การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
ในปัจจุบันมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมากมายกระจายแพร่หลายอยู่เต็มไปหมดให้ลูกหลานได้เลือกสรรสถานที่ที่ดีและเหมาะสมแก่ญาติผู้ใหญ่ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันอันตรายและช่วยเฝ้าระวังโรคภัยไข้เจ็บหรือสิ่งต่าง ๆ ที่จะสามารถสร้างความเจ็บปวดหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้สูงอายุได้ จึงมักเข้ามาใช้บริการจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเหล่านี้ทดแทนกับพี่ตัวลูกหลานเองต้องวุ่นกับการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันที่อาจจะเผลอละเลยในการดูแลผู้สูงอายุได้ จึงพยายามมองหาสถานที่ปลอดภัยและดีที่สุดต่อญาติผู้ใหญ่ของตนเอง เพื่อให้ตอบโจทย์การดูแลเอาใจใส่และช่วยคลายเหงานั่นเอง สำหรับการดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะได้รับอุบัติเหตุต่าง ๆ หรือประสบกับการเจ็บป่วยได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากมีสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่น้อยลงตามช่วงอายุและไม่มีความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว จึงอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะหกล้มหรือสิ่งรอบข้างได้ค่อนข้างง่ายกว่าคนวัยอื่น ๆ ดังนั้นในฐานะของลูกหลานเราจึงควรเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะสามารถดูแลคุ้มครองผู้ใหญ่ในบ้านของเราได้เป็นอย่างดี เสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของตนเอง ซึ่งบริการการดูแลเข้าคร่าว ๆ ในเบื้องต้นควรจะมีดังต่อไปนี้ จะต้องมีการเข้ารับ การตรวจร่างกายและตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสัปดาห์ เพื่อสแกนหาความผิดปกติหรือความบกพร่องต่าง ๆ ภายในร่างกายอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมทั้งในระหว่างการดูแลยังมีทีมแพทย์และทีมพยาบาลคอยซัพพอร์ตให้อยู่เสมอ เพราะเราไม่อาจทราบได้ว่าอุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่จึงมีการเตรียมพร้อมสำหรับทีมงานและอุปกรณ์การช่วยชีวิตและอุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้อยู่เสมอ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีการดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ซึ่งจะไม่มีการปล่อยให้ผู้สูงอายุต้องอยู่โดยลำพังโดดเดี่ยวหรือต้องทำอะไรด้วยตนเองที่อาจจะเสี่ยงต่อการได้รับอุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยได้ รวมทั้งสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะการเจ็บป่วยหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จะได้รับการดูแลในทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ได้มากที่สุด รวมทั้งมีการฟื้นฟูทำกายภาพบำบัดให้กับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ให้ผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยเรานั้นถูกบั่นทอนจิตใจหรือหมดกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ จะต้องมีพัฒนาการทางด้านของอาหารที่ครบถ้วนมีสารอาหารและสารบำรุงฟื้นฟูสภาพร่างกายจากภายในเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และมีการควบคุมปริมาณต่าง ๆ ของอาหารให้เหมาะสมกับกลุ่มคนสูงอายุแต่ละคน ที่มีโรคประจำตัวที่ไม่เหมือนกันอย่างเหมาะสม รวมทั้งมีการจัดโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุวัยนั้น ๆ หรือการคลายกล้ามเนื้อ คลายเส้นเอ็น ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย
